Friday, October 14, 2011
Madopar มีตั้ง 3 แบบเลือกยังไงดี ???
at
12:50 PM
ในที่สุดก็ได้เวลากลับมาเขียนเรื่องที่ชอบเป็นการส่วนตัวแล้วครับ ผมเชื่อว่าหลายๆ คนอาจสงสัยก็ได้ว่าทำไม Madopar ถึงจำเป็นต้องมีหลายๆ แบบแล้วมันจะมีประโยชน์อย่างอื่นอีกไหม นอกจากว่าทำให้ออกฤทธิ์ได้นานขึ้น หรือ Onset เร็วขึ้น ???
ในผู้ป่วย Parkinson's disease จะเกิดพยาธิสภาพภายในสมองส่วน SNc ทำให้การสร้าง Dopamine Nigrostriatal tract ลดลงส่งผลให้เกิดความผิดปกติของการเคลื่อนไหวได้ การรักษาในปัจจุบันมียาอยู่ด้วยกันหลายๆ แต่ในวันนี้เราจะพูดถึงแค่ยา L-dopa ครับ
Madopar ประกอบไปด้วยตัวยาสำคัญ 2 ตัว คือ L-dopa ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารตั้งต้นในการสร้าง Dopamine และ Benzerazide ซึ่งออกฤทธิ์ยับยั้ง Peripheral Dopa Decarboxylase (DDC : ทำหน้าที่เปลี่ยน L-dopa เป็น Dopamine ที่ Peripheral) ทำให้ L-dopa สามารถผ่านเข้า Blood brain barrier ได้มากขึ้นและยังช่วยลดอาการไม่พึงประสงค์เช่นการเกิด Nausea, Vomiting ได้ด้วย
Madopar ที่มีจำหน่ายในประเทศไทยนั้นมี Dosage form อยู่ด้วยกัน 3 แบบ ได้แก่
- Madopar Tablet
- Madopar Dispersible Tablet
- Madopar HBS Capsule
ความแตกต่างระหว่าง Dosage form ของยาทั้ง 3 ตัว คือ Pharmacokinetics profile ตามตารางด้านล่างครับ
ผลจากการที่ยามีความแตกต่างในแง่ของ Pharmacokinetics profile นั้นจะทำให้เราเลือกใช้ในคนไข้ไม่เหมือนกัน เราลองมาดูกันทีละตัวเลยดีกว่าครับ
Madopar Tablet
สำหรับ Madopar table คือ ไม่ได้มีความพิเศษอะไรเลยครับก็ คือ ยาเม็ดธรรมดาที่สามารถบดได้แบ่งได้ เท่านั้นเองครับ
Madopar Dispersible Tablet
- Delayed on
เพราะว่าผู้ป่วยบางกลุ่มนั้นหลังจากใช้ยาไปซักระยะเวลาหนึ่งแล้ว Onset ของยายืดออกไป ดังนั้นวิธีการแก้ไข คือ การใช้ยาที่มี Onset เร็วขึ้น คือ Dispersible tablet แทนที่ยาตัวเดิมนั่นเองครับ- Early akinesia
ลักษณะอาการที่เกิดขึ้น คือ ระดับยา L-dopa ไม่สามารถควบคุมอาการของโรคได้ก่อนจะถึงยามื้อถัดไป เช่นผู้ป่วยรับประทานยา Madorpar ก่อนนอนแต่ว่าตอนเช้าหลังจากตื่นขึ้นมาแล้วผู้ป่วยมีอาการแสดงของ PD (ระดับยาตอนกลางคืนไม่เพียงพอที่จะควบคุมอาการถึงตอนเช้าก่อนรับประทานยามื้อถัดไป)
ผู้ป่วยรับประทานยาตอนเช้าแล้วก่อนการรับประทานยามื้อกลางวันมีอาการแสดงของโรคขึ้นมา (ระดับยาตอนเช้าไม่เพียงพอที่จะควบคุมอาการก่อนการรับประทานยากลางวัน)
วิธีการแก้ไขปัญหานี้สามารถทำได้หลายวิธีครับ (ไว้เขียนในตอนหน้า) เป้าหมายในการรักษาก็คือ รักษาอาการให้หายไปเร็วที่สุด ดังนั้นยาที่ควรเลือกใช้ คือ Madopar dispersible ซึ่งมี onset เร็วครับ
สำหรับวิธีการใช้ก็นำยามาละลายในน้ำ 1/4 ของแก้ว ให้ยากระจายเป็นน้ำสีขาวขุ่นแล้วดื่มให้หมดภายใน 30 นาที (ถ้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมอ่านจากเอกสารกำกับยาได้เลยครับ)
Madopar HBS Capsule
ภาพแสดงกระบวนการแตกตัวของ Madopar HBS |
เปลือก Capsule เริ่มละลายออก |
เมื่อตัวยาภายใน Capsule สัมผัสกับน้ำจะเกิดกลายเป็น Gel ลอยอยู่ |
ภาพข้างบนนี้จะเห็น Gel ที่เกิดจากยา Madopar HBS ลอยตัวเหนือน้ำ |
- Motor fluctuation
เนื่องจาก Motor fluctuation นั้นมาจากการที่ระดับยาในเลือดไม่คงที่ผู้ป่วยจึงมีอาการ On-Off เกิดขึ้น ดังนั้นการใช้ยาที่มี Duration ยาวนานขึ้นจึงมีประโยชน์ในการแก้ไขภาวะ Motor fluctuation ของผู้ป่วย- Peak dose dyskinesia
เนื่องจากการใช้ Madopar tablet และ dispersible ซึ่งเป็นรูปแบบ immediate release ดังนั้นจึงอาจทำให้เกิด Peak dose dyskinesia ได้Madopar HBS นั้นมีอาการออกฤทธิ์ที่ยาวนานและไม่เกิด Peak ดังนั้นผู้ป่วยที่เกิด Peak dose dyskinedia จึงสามารถแก้ปัญหาโดยใช้ Madopar HBS ได้
จากข้อมูลของยาทั้ง 3 ตัวจะเห็นได้ว่าประเด็นของการเลือกใช้ยานั้นไม่ได้ดูแค่ที่ตัวยาเพียงอย่างเดียวแต่ยังต้องดูไปถึงว่า Dosage form ที่ทำขึ้นนั้นเหมาะกับผู้ป่วยแบบไหน ครั้งนี้เป็นเรื่องยาถ้าใครยังไม่เข้าใจหรือเห็นภาพการนำไปใช้ไม่ชัดเจน รออ่านเรื่องต่อไปก่อนนะครับแล้วจะเข้าใจมากยิ่งขึ้น